พักสงบในพระคริสต์

หลายปีก่อน มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้วิเคราะห์เรื่องภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่นที่เชื่อมโยงกับปริมาณการนอนหลับของพวกเขาในแต่ละคืน หลังจากอ่านงานวิจัยหญิงสาวคนหนึ่งแสดงความเห็นในผลวิจัยนั้นว่า “ดูเหมือนฉันไม่เคยรู้ตัวว่าควรหยุดเมื่อไร ฉันผลักดันตัวเองอย่างหนักจนทำให้ตัวเองป่วยเพราะนอนน้อยและเครียด” จากนั้นเธอต้องการรู้ว่าการบริหารเวลาเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าจริงๆแล้วคืออะไร และต้องการรู้ถึงความแตกต่างระหว่างงานที่ยุ่งกับงานที่เกิดผล

การทำงานมากมายจนยุ่งไม่ได้รับประกันถึงประสิทธิภาพ ความสัตย์ซื่อ หรือการเกิดผลมาก แต่เรามักคิดว่าการทำงานยุ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในพระธรรมลูกา 10:41 พระเยซูทรงเตือนมารธาอย่างอ่อนโยนว่าเธอ “ร้อนใจด้วยหลายสิ่ง” และการเลือกของมารีย์น้องสาวของเธอที่ “นั่งใกล้พระบาทพระเยซู” (ข้อ 39) ซึ่งเป็นภาพของการเป็นสาวกนั้นคือตัวเลือกที่ดีกว่า

ในความปรารถนาของเราที่อยากจะรับใช้พระคริสต์นั้น เราทำมากเกินไปโดยคิดว่าพระองค์จะสังเกตเห็นเราได้มากกว่าเพราะเราทำมากใช่ไหม พระธรรมโคโลสี 3:17 บอกว่า “เมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า” แต่พระวจนะข้อนี้ไม่ได้บอกให้เรารับใช้ในพระนามพระองค์จนหมดแรง ในสดุดี 46:10 เราได้ยินคำเตือนนี้ “จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า”

ขอให้เราผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง และใช้เวลาอยู่กับพระคริสต์แทนที่จะจดจ่อกับรายการของสิ่งที่ต้องทำ เมื่อนั้น “จิตใจ [เราจึง]จะได้พัก” (มธ.11:29) อย่างแท้จริง

รุ้งและพระสัญญาของพระเจ้า

ขณะที่ผมยืนดูพลังอันน่าทึ่งของน้ำตกไนแองการ่า ผมสังเกตว่าจู่ๆนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเริ่มถ่ายรูปกัน เมื่อหันไปมองในทิศทางนั้นผมก็เห็นรุ้งพาดโค้งข้ามแม่น้ำ ดูเหมือนปลายของรุ้งจะอยู่ที่ฐานของน้ำตกสองในสามสายที่ไหลรวมเป็นน้ำตกไนแองการ่า คือเริ่มที่น้ำตกเกือกม้าและสิ้นสุดที่ฐานของน้ำตกอเมริกัน

ในความเป็นจริงแล้วรุ้งไม่มีจุดสิ้นสุด รุ้งเป็นวงกลมเต็มวงซึ่งผมเคยเห็นเพียงครั้งเดียว ตอนนั้นผมกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน ทันใดนั้นดวงอาทิตย์ซึ่งส่องแสงไปในทิศทางที่ถูกต้องก็เผยให้เห็นรุ้งเต็มวงในระยะไกลเหนือเมฆ ผมนั่งมองอย่างตกตะลึงจนกระทั่งเครื่องบินหักเลี้ยวและวงกลมนั้นหายไป

รุ้งนั้นทำให้ผมครุ่นคิดถึงหลายสิ่งว่า พระเจ้าทรงไม่มีจุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุด และพระองค์ทรงเปิดเผยพระสัญญาของพระองค์แก่เราไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน พระเจ้าผู้เป็นนิรันดร์และไม่มีที่สิ้นสุดของเราทรง “ตั้งรุ้ง[ของพระองค์ ]ไว้ที่เมฆ” (ปฐก.9:13) เพื่อเป็นคำสัญญาว่าจะไม่ให้น้ำท่วมโลก “ทำลายบรรดาสัตว์โลก” อีก (ข้อ 15) กระทั่งทุกวันนี้ พระผู้สร้างของเรายังคงแบ่งปันเครื่องเตือนใจถึงพระสัญญานั้นแก่เราผู้เป็นสิ่งทรงสร้างของพระองค์ (ข้อ 13-16)

อิสยาห์ 40:28 บอกว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก...ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้” ช่างเป็นความคิดที่น่าอัศจรรย์! เราจะมีเวลาชั่วนิรันดร์เพื่อเรียนรู้ถึงองค์พระผู้ทรงรักษาสัญญาของเรา และเราจะไม่มีวันหยั่งรู้ถึงความเข้าพระทัยอันล้ำลึกของพระองค์ได้เลย

สิ่งที่พระคัมภีร์เปิดเผย

ในเดือนเมษายน ค.ศ.1817 หญิงสาวที่ดูสับสนคนหนึ่งถูกพบขณะเดินเตร็ดเตร่ในบริเวณเมืองกลอสเตอร์เชียร์ประเทศอังกฤษ เธอสวมชุดจากต่างถิ่นและพูดภาษาซึ่งไม่เป็นที่รู้จัก เจ้าหน้าที่คิดว่าเธอเป็นขอทานจึงนำเธอไปขังคุก อย่างไรก็ตามเธอสามารถโน้มน้าวให้คนที่จับเธอเชื่อว่าเธอคือเจ้าหญิงคาราบูจากเกาะจาวาซู เป็นเวลาสิบสัปดาห์ที่ชุมชนดูแลเธอราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์ จนกระทั่งผู้ดูแลหอพักเปิดเผยว่าเธอเป็นสาวใช้ชื่อ แมรี่ วิลค็อกส์

เราอาจสงสัยว่าหญิงสาวนี้หลอกคนทั้งชุมชนเป็นเวลากว่าสามเดือนได้อย่างไร แต่พระธรรม 2 ยอห์นเตือนเราว่าการหลอกลวงไม่ใช่สิ่งใหม่ โดยระบุว่า “ผู้ล่อลวงเป็นอันมากเที่ยวจาริกไปในโลก” (1:7) คนเหล่านี้คือคนที่ไม่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมา “เป็นมนุษย์” (ข้อ 7) หรือคนเหล่านั้นที่ไม่อยู่ในโอวาทพระคริสต์ (ข้อ 9) และประกาศว่าพระคัมภีร์ไม่เพียงพอสำหรับเราในปัจจุบัน ผู้ล่อลวงทั้งสองประเภทอาจทำให้เราไม่ได้ “รับบำเหน็จเต็มที่” (ข้อ 8) และแม้กระทั่งล่อลวงให้เรามีส่่วนช่วยงานของพวกเขา (ข้อ 11)

ไม่มีใครอยากถูกหลอก คนที่กลอสเตอร์เชียร์ไม่ได้สูญเสียอะไรมากนัก มีแค่เสื้อผ้าและอาหารไม่กี่มื้อ แต่พระคัมภีร์กล่าวว่าผลของความบาปและการล่อลวงจะยังคงคุกคามเราอยู่ เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้หลีกเลี่ยงจากการล่อลวงได้ถ้าเรา ”ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์” (ข้อ 6)

คำหนุนใจจากพระสัญญาของพระเจ้า

วันนั้นเป็นวันที่ยาวนานในโรงพยาบาล ยังคงไม่มีคำอธิบายถึงอาการป่วยที่เกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีผู้ร่าเริงสดใส ครอบครัวกลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกท้อแท้ แต่พวกเขาต้องประหลาดใจที่มีกล่องตกแต่งอย่างสวยงามวางอยู่ที่ขั้นบันไดโดยมีข้อพระคัมภีร์อิสยาห์ 43:2 พิมพ์ไว้ด้านหน้า ส่วนด้านในมีข้อพระคัมภีร์หลากหลายที่เพื่อนๆเขียนด้วยลายมือเพื่อให้กำลังใจ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นพวกเขาใช้เวลาไปกับคำหนุนใจจากข้อพระคัมภีร์และท่าทีที่เป็นห่วงเป็นใยจากมิตรสหายของครอบครัว

ผู้คนที่กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากหรือปัญหาในครอบครัวต้องการกำลังใจที่จริงใจเสมอ พระคัมภีร์ทั้งที่ยกมาทั้งตอนหรือเพียงข้อเดียวก็สามารถหนุนใจทั้งตัวคุณ เพื่อน หรือสมาชิกในครอบครัวได้ อิสยาห์ 43 เต็มไปด้วยคำหนุนใจสั้นๆที่จะนำไปใช้เป็นข้อๆหรือใช้ทั้งตอน ลองพิจารณาข้อความที่เลือกมาสองสามข้อต่อไปนี้ พระเจ้าได้ “สร้างท่าน” “ปั้นท่าน” “ไถ่ [ท่าน]แล้ว” และทรงเรียกคุณ “ตามชื่อ” (ข้อ 1) พระเจ้า “จะอยู่กับเจ้า” (ข้อ 2) พระองค์ทรงเป็น “องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล” และพระองค์ทรงเป็น “[พระ]ผู้ช่วยให้รอด” ของเรา (ข้อ 3)

เมื่อคุณใคร่ครวญถึงพระสัญญาของพระเจ้า ขอให้พระสัญญาเหล่านั้นหนุนใจแก่คุณ และเมื่อพระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่คุณต้องการแล้ว คุณก็สามารถให้กำลังใจผู้อื่นได้ กล่องใส่ข้อพระคัมภีร์ไม่ได้มีราคาแพง แต่ส่งผลที่ประเมินค่าไม่ได้ แม้จะผ่านไปห้าปีแล้ว การ์ดข้อพระคัมภีร์บางอันก็ยังคงมีคุณค่าทางใจสำหรับครอบครัวนี้

บังเกิดใหม่หรือ

“บังเกิดใหม่หรือ มันหมายความว่าอะไร” ผู้จัดการพิธีศพถาม “ผมไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน” บุตรชายของพ่อผู้ล่วงลับจึงฉวยโอกาสอธิบายความหมายของคำนี้โดยใช้ข้อความจากยอห์นบทที่ 3

“คำนี้มาจากความจริงที่ว่าเราทุกคนเกิดมาในโลกนี้เพียงครั้งเดียว” เขากล่าว “พระเจ้าไม่ได้ใช้ตราชั่งวิเศษเพื่อชั่งน้ำหนักความดีเทียบกับความชั่วของเรา พระเจ้าทรงต้องการให้เราเกิดจากพระวิญญาณ” เขาพูดต่อ “จึงเป็นเหตุให้พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระองค์ทรงชดใช้ความบาปของเราและทรงทำให้เราสามารถมีชีวิตนิรันดร์กับพระองค์ ซึ่งเราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง”

ในยอห์นบทที่ 3 นิโคเดมัสเริ่มสงสัยว่าตนเองมีความรู้ความเข้าใจทุกอย่างจริงหรือไม่ เขาเป็นครูที่ผ่านการอบรมคนหนึ่งในพระคัมภีร์ (ข้อ 1) ที่เห็นว่าพระเยซูทรงแตกต่างและคำสอนของพระองค์มีสิทธิอำนาจ (ข้อ 2) เขาต้องการหาคำตอบด้วยตัวเองจึงไปพบพระคริสต์ในคืนหนึ่งเพื่อไขข้อข้องใจ นิโคเดมัสคงได้ยอมรับพระดำรัสของพระเยซูที่ว่า “ท่านทั้งหลายต้องบังเกิดใหม่” (ข้อ 7) และเชื่อเช่นนั้น เพราะเขาช่วยเตรียมพระศพขององค์พระผู้ช่วยให้รอดเพื่อนำไปฝังหลังจากที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขน (19:39)

ผู้จัดการพิธีศพรับปากว่าจะกลับบ้านไปอ่านพระกิตติคุณยอห์นบทที่สาม ขอให้เราเป็นเหมือนกับบุตรชายผู้นี้ ที่จะสะสมพระดำรัสของพระเยซูไว้ในใจและแบ่งปันแก่ผู้อื่นขณะที่พระองค์ทรงช่วยเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา